ในคืนวันศุกร์ทองคำปรับตัวสูงขึ้นและสามารถยืนเหนือ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ และสามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 1,207 เหรียญ/ออนซ์ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากแรงเข้าซื้อของกลุ่มนักลงทุน รวมถึงการทำ Short Covering หลังจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่อีซีบีพร้อมสนับสนุนการเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2388 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2551 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากอีซีบีจะยังคงเดินหน้าขยายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ปรับตัวสูงขึ้น 0.82% สู่ระดับ 88.313 ในคืนวันศุกร์ และไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 88.424 ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 88.33 ในเช้าวันนี้
อย่างไรก็ดี ค่าเงินยูโรยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากถ้อยแถลงของประธานอีซีบี ซึ่งกดดันให้ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.2% สู่ระดับ 1.2388 ยูโร/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์
นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี ระบุว่า อีซีบีพร้อมใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อผลักดันอัตราเงินเฟ้อและให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับตัวสูงขึ้นให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งอาจมีการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น
เจ้าหน้าที่ของอียู เปิดเผยว่า อียูกำลังเตรียมแผนกองทุนสำรองเป็นจำนวน 2.1 พันล้านยูโร (2.6 พันล้านดอลลาร์) เพื่อจัดสรรความเสี่ยงสำหรับโครงการใหม่ๆในกลุ่มนักลงทุนรายบุคคล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวสูงขึ้น 1.3% และปิดที่ระดับสูงสุด 80.36 ดอลลาร์/บาร์เรล นับตั้งแต่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพราะได้รับแรงสนับสนุนหลังจากธนาคารกลางจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อายุหนึ่งปีของสถาบันลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% จึงส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังว่า ความต้องการน้ำมันจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น
ในคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.51% โดยยังคงเดินหน้าทำสถิติปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ดี ตลอดสัปดาห์ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 1.0%
วันนี้ตลาดหุ้นและตลาดการเงินของญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณแรงงาน (Labor Thanksgiving)
ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-33.00 บาท/ดอลลาร์
แนวรับ: 1193 1182 1178
แนวต้าน: 1208 1225 1231
ตัวเลขเศรษฐกิจ ที่น่าติดตาม