ในคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงปิดตลาดในแดนลบ เพราะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.79% ส่งผลให้ตลอดสัปดาห์ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหนักสุดในรอบ 3 ปี
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2451 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2383 ยูโร/ดอลลาร์ จากแรงเทขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่การประชุมเฟด 16-17 ธ.ค.นี้ และเช้านี้ยังคงอ่อนค่าสู่ระดับ 1.2460 ยูโร/ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ระบุว่า การปรับตัวลดลงของน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เฟดพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงอาจสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงคาดหวังว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีครึ่ง ซึ่งน้ำมันดิบ WTI ปิด -3.6% ที่ระดับ 57.81 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พฤษภาคม 2009 โดยตลอดสัปดาห์ราคาปรับตัวลดลง 12.2%และตลอดปีนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแล้วกว่า 41%
ในคืนวันศุกร์ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการเทขายทองคำบางส่วนของนักลงทุน หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาในแนวโน้มเชิงบวก รวมถึงเป็นการเทขาก่อนจะเริ่มต้นการประชุมเฟด และการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบที่ถ่วงความต้องการถือครองทองคำเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงทรงตัวได้เหนือระดับ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์
แนวรับ: 1208 1200 1193
แนวต้าน: 1230 1238 1245
ปัจจัยที่น่าติดตาม